วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2559

กระทงไม่หลงทาง..


เมื่อวาน ดีเอสไอ ก็ฟ้องพระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ (สมชาย ฐานวุฑโฒ)  กับ นายองอาจ ธรรมนิทา ข้อหาโฆษณาหมิ่นประมาท 
ขณะที่การฟ้องร้อง ตัวเล็กตัวน้อย เข้มข้น
เช้านี้ อีซาราได้มาฟ้องร้องที่สถานีตำรวจคลองหลวงเป็นวันที่สอง เมื่อวานฟ้อง นายองอาจ วันนี้ฟ้องหลวงพ่อ

ขากลับวัดอ้อน้อยที่นครปฐม ก็ต้องแปลกใจ ว่ามีใคร เอากระทงมาให้ซะงั้น....

ใครไม่ได้ให้ตัว อย่ามั่ว เค้าเอาไปถวายเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย
พระลูกวัด มายุ่งอะไร

ส่วนพวกลูกหาบ ก็เก็บอาการไม่อยู่ ขว้างขวดน้ำใส่กลุ่มทนายที่ไป  เถื่อนสาหัส แก้ไม่ได้จริงๆ

ก็บันทึกไว้เป็นบทละครตอนต่อไป



Thai Monks ย้ำชัด ปาราชิก แน่ๆ พระสุวิทย์ วัดอ้อน้อย หยุดหัวหมอ
-------------------
พุทธอิสระ อ้าง ความผิดฐานละเมิดสถานที่ราชการ ไม่ถือเป็นปาราชิก

----อ้างอิงคำพูดพุทธอิสระ---
https://www.facebook.com/issaradhamtv/videos/1630584703927639/

-------------------

จากกรณีที่  “ทนายประสิทธิ์ สันจิตร”ประธานเครือข่ายพิทักษ์พุทธพร้อมด้วย “กลุ่มพลังสตรีรักษ์พระพุทธศาสนา” ได้เดินทางไปยื่นหนังสือกล่าวหา “พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม” ว่าต้องอาบัติปาราชิก สิกขาบทที่ 2 ให้พ้นจากความเป็นพระต่อเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ในฐานะผู้ปกครอง

วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ.2559 เวลา 15.00 น.
ณ วัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม

-------------------


โดยเนื้อหาในการกล่าวโทษนั้น มีรายละเอียดที่ Thai Monks คัดย่อออกมาเฉพาะ ประเด็นความผิดทางพระวินัย
ที่พุทธอิสระ ยอมรับความผิดในทางโลกไปแล้ว และพุทธอิสระก็กำลังอยู่ระหว่างเสียค่าปรับเพื่อเป็นการชดใช้ค่าเสียหาย

ทว่า การออกมาให้สัมภาษณ์ ออกสื่อ ของพุทธอิสระในวันเวลาเดียวกันนั้น พุทธอิสระอ้างว่า  ตนไม่มีความผิดทางพระวินัย

แต่ Thai monks เห็นท่าไม่ได้การ เพราะ พุทธอิสระ กำลังหลบเลี่ยงความผิดทางพระวินัย ที่ตนได้กระทำไปแล้วจริง แต่กลับพูดจาบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมรับผิด หัวรั้น สมดังที่คณะสงฆ์อ้างเอาความหัวดื้อ ไม่รู้สำนึกผิด เป็นเหตุผล ในการร่วมกันประกาศอุกเขปนียกรรม ต่อพุทธอิสระไปในที่สุด ตามที่สื่อต่างๆ เคยนำเสนอไปแล้ว

-------------------

 การบุกยึดสถานที่ราชการ อันเป็นเหตุให้ทรัพย์สินส่วนราชการได้รับความเสียหาย  ถ้าดูตามที่เจตนา และ ความพยามของพุทธอิสระ ในคลิป youtube พบว่า การบุกยึดสถานที่ราชการ เป็นการออกคำสั่งโดย พุทธอิสระ ซึ่งเป็นคนพูดเองว่า "เราต้องออกมาช่วยกัน" ปรากฎอยู่ในคลิปนี้

https://www.youtube.com/watch?v=3aX5npS1b3c

-------------------

ศาลแพ่งสั่ง‘พุทธะอิสระ-แกนนำกปปส.’จ่าย1.4ล.บุกตึกDSI



และการกระทำของพุทธอิสระ ที่บุกยึดสถานที่ราชการนั้น ก็กินเวลาหลายเดือน จึงส่อเจตนาอยู่แล้วว่า ต้องการ ยึดสถานที่ราชการจริง
จน ทรัพย์สินในพื้นที่ราชการนั้น ได้รับความเสียหาย ตีราคาเป็นเงินจำนวนมาก

-------------------

ซึ่ง ศาลได้พิเคราะห์พฤติการณ์ของจำเลยแล้ว จึงมีคำพิพากษาของศาลแพ่งให้จำเลยที่ 1 คือ “หลวงปู่พุทธอิสระ” หรือ “พระสุวิทย์ ธีรธัมโม” ให้ต้องร่วมกันรับผิดกับจำเลยที่ 2 (พล.ต.สมเกียรติ วัฒนวิกย์กิจ) ร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ (DSI) เป็นจำนวนเงิน 899,203 บาท พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 นับจากวันถัดฟ้อง คือ วันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ.2557 และให้จำเลยร่วมกันจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมศาล และค่าทนายความแก่โจทก์อีกเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท

-------------------

โดยคำสั่งศาล สั่งให้พุทธอิสระ ชดใช้ค่าเสียหายนั้น เป็นหลักฐานยืนยันที่ชัดแจ้งว่า  ว่าทรัพย์สินราชการ ถูกตีราคาว่าเสียหายเกิน 5 มาสก อย่างชัดแจ้ง

-------------------

การบุกยึดสถานที่ราชการของพุทธอิสระในครั้งนั้น แม้โดยพฤติกรรมมิส่อว่าเป็นการลักขโมย โดยการนำไปเสียจากเจ้าของทรัพย์
แต่ทรัพย์สินส่วนราชการ ก็หลุดไปจากความครอบครองของเจ้าของ (คือถูกทำลาย) อาศัยมูลเหตุ ที่ทรัพย์สินถูกทำลายนั้น

การกระทำของพุทธอิสระ  ก็ได้ชื่อว่า ทำให้ทรัพย์เคลื่อนจากฐาน

ดังนั้น พุทธอิสระก็ต้องอาบัติปาราชิก ตามสิกขาบท พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ในหมวด ถลัฎฐวิภาค (ถะ-ลัด-ถะ-วิ-พาก )

ใจความว่า

ที่ชื่อว่า ทรัพย์ตั้งอยู่บนพื้น ได้แก่ทรัพย์ที่เขาวางไว้บนพื้น
ภิกษุมีไถยจิตคิดจะลักทรัพย์ที่ตั้งอยู่บนพื้น
เที่ยวแสวงหาเพื่อนก็ดี เดินไปก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ
ลูบคลำ ต้องอาบัติทุกกฏ
ทำให้ไหว ต้องอาบัติถุลลัจจัย
ให้เคลื่อนจากฐาน ต้องอาบัติปาราชิก.

-------------------

ประเด็นที่พุทธอิสระ ต้องอาบัติปาราชิก ก็คือ ทำให้ทรัพย์สินเคลื่อนจากฐาน โดยการทำลาย ให้ตกไปจากความครอบครองของเจ้าของ

-------------------


รวมกระทั่ง "บทภาชนีย์" ตามพระวินัยที่ว่า เที่ยวแสวงหาเพื่อนก็ดี เดินไปก็ดี เหล่านั้น มีผลผูกพันธ์ ครบถ้วนกระบวนความ

ซึ่งหมายความโดยอรรถ ว่า

คำว่า #เที่ยวแสวงหาเพื่อนก็ดี
ย่อมหมายถึง แค่เริ่มชักชวนม็อบ หรือเพื่อนรวมอุดมการ์ณในการบุกยึดสถานที่ราชการ

คำว่า #เดินไปก็ดี
ย่อมหมายถึง การย่างเท้าโดยมีเจตนาเข้าไปบุกยึดสถานที่ราชการ

ดังนี้นั้น  เป็นพฤติกรรม ที่พุทธอิสระ เลี่ยงไม่พ้นข้อกล่าวหา อย่างแท้จริง

-------------------

นั่นคือ พุทธอิสระ ระดมมวลชน เที่ยวแสวงหาเพื่อน และ เดินเข้าไป ทำให้ทรัพย์สินส่วนราชการ เช่น กรวย อุปกรณ์สำนักงาน เป็นต้น ให้มีอันต้องเคลื่อนจากฐาน ดังที่ปรากฎเป็นภาพในสื่อ ทั้งภาพ และ วีดีโอ เหล่านั้น เป็นการกระทำที่พุทธอิสระ ต้องอาบัติปาราชิก จริงๆ

-------------------

พระวินัยเหล่านี้ คือ พุทธดำรัส ได้ทรงตรัส ดักคอไว้หมดแล้ว
แม้จะมีคนพูดแก้ต่างว่า แค่เดินผ่านเฉยๆ ไม่ได้คิดขโมย หรือ
ไม่ได้คิดทำลาย ก็ตาม แต่อย่าลืมว่า พระวินัยนี้ ทรงบัญญัติโดยความเป็นผู้รู้แจ้งโลก ของพระสัพพัญญูพุทธเจ้า
พุทธอิสระ จะแถ ดิ้น ไปต่างๆ นานา อย่างไร ก็หนีความผิดไปไม่ได้

cr.thai monks
29/6/2559

วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ทนายนิทัศน์ ประเสริฐเนติกุล ความเห็นคนนอกวัด

ทนายไม่ใช่ศิษย์ธรรมกายและไม่เคยเข้าวัดธรรมกาย....




ฉบับที่ 1...........ฉบับที่ 11...........ฉบับที่ 21..........ฉบับที่ 31..........ฉบับที่ 41
ฉบับที่ 2...........ฉบับที่ 12...........ฉบับที่ 22..........ฉบับที่ 32..........ฉบับที่ 42
ฉบับที่ 3...........ฉบับที่ 13...........ฉบับที่ 23..........ฉบับที่ 33..........ฉบับที่ 43
ฉบับที่ 4...........ฉบับที่ 14...........ฉบับที่ 24..........ฉบับที่ 34..........ฉบับที่ 44
ฉบับที่ 5...........ฉบับที่ 15...........ฉบับที่ 25..........ฉบับที่ 35..........ฉบับที่ 45
ฉบับที่ 6...........ฉบับที่ 16...........ฉบับที่ 26..........ฉบับที่ 36..........ฉบับที่ 46
ฉบับที่ 7...........ฉบับที่ 17...........ฉบับที่ 27..........ฉบับที่ 37..........ฉบับที่ 47
ฉบับที่ 8...........ฉบับที่ 18...........ฉบับที่ 28..........ฉบับที่ 38..........ฉบับที่ 48
ฉบับที่ 9...........ฉบับที่ 19...........ฉบับที่ 29..........ฉบับที่ 39..........ฉบับที่ 49
ฉบับที่ 10...........ฉบับที่ 20..........ฉบับที่ 30..........ฉบับที่ 40


ฉบับที่ 1
...แต่ได้ติดตามข่าวของธรรมกายมาหลายเดือนแล้ว พอจับใจความได้...
...จึงขอ ส.ใส่เกือก..โดยเป็นเกือกส่วนตัว..ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับองค์กรใด..หน่วยงานไหน...หรือมีใครอยู่เบื้องหลังครับ...

...เหตุที่มาของเรื่องนี้...คือ..ประธานสหกรณ์ฯ(ย่อ) ได้นำเงินของสมาชิกไปบริจาค....นับได้แค่ประมาณหมื่นกว่าล้านก็แล้วกัน...
...มีคนหลงดีใจรับเงินบริจาคกัน ทั้งหน่วยงานของรัฐ องค์กรการกุศล..และวัดธรรมกาย...ฯ

...การบริจาคกระทำโดยเปิดเผย สั่งจ่ายเงินเป็นเช็ค มีคนรับรู้ ผู้บริจาคหน้าบานกว่าตะกร้ออีก...เรียกว่าหน้าใหญ่ใจบุญก็แล้วกัน...

...เงินที่วัดได้รับมา หลวงพ่อนำไปสร้างวัตถุถาวรของวัด มีกรรมการดูแลใช้จ่ายแบบโปร่งใส...แบบใครก็นินทาไม่ได้...

...ความแตก...เงินไม่ใช่ของคนบริจาคแต่เป็นของสมาชิกสหกรณ์ฯ...

...ซวยละคราวนี้ ประธานสหกรณ์เลยต้องถูกจับเพราะถือว่ายักยอกเงินของสหกรณ์ฯไป ถูกดำเนินคดี ฐานยักยอกทรัพย์ฯ ..และข้อหาอื่นมีอีกหรือไม่ไม่ทราบได้..เพราะเป็นทเสือกไม่ใช่ทนายในคดี...

...เหตุนี้น่าจะเกิดมาหลายปีแล้ว แต่ไม่มั่นใจ แต่ไม่ใช่ปี ๕๙ แน่นอน...

...ดีเอสไอ หรือ ตำรวจ ไม่รู้หน่วยงานไหน เคยเข้าไปดำเนินคดีกับประธานสหกรณ์ฯและผู้รับบริจาค ที่รู้ๆมีวัดธรรมกายเป็นเป้าใหญ่ นอกนั้นมีใครอื่นๆ ไม่ทราบได้ เพราะไม่ได้ข่าวว่าถูกดำเนินคดี...

...ข่าวว่า ผลการดำเนินคดีที่ผ่านมา จบไปแล้ว เพราะเหตุใดไม่กล้ายืนยัน แต่เข้าใจว่า การบริจาคกระทำโดยเปิดเผย ผู้รับไม่รู้ว่าเป็นเงินผิดกฏหมาย ..คือขาดเจตนา...สรุปจบ...ฉากที่ ๑
...............................
...ฉากที่สอง...เริ่มเมื่อต้นปีนี้ มีสมาชิกสหกรณ์ฯ ไปร้อง ดีเอสไอ..ดีเอสไอ..รีบรับเป็นคดีพิเศษ..รีบออกหมายเรียกทันที่ จนสู่การออกหมายจับ...เรียกว่ารวดเร็วปานกามนิตหนุ่ม...ก็แล้วกัน

...ณ.เวลานี้.ปชช.แบ่งเป็นสองฝ่าย ถกเถียงกัน ส่วนมากถ้ามาจาก กปปส.จะหนุน ดีเอสไอ..ให้ลุยจับสึก เพราะอิจฉาหรือมั่นใส้ไม่แน่ใจ หรือเพราะเข้าใจว่าหลวงพ่อเป็นแดง น่าจะเป็นอย่างนั้นมากกว่า...

...ถ้าเป็นแดง ไม่ว่าจะเคยเป็นศิษย์หรือไม่เป็นศิษย์หรือจะชอบไม่ชอบธรรมกาย...ก็กลายเป็นคนของวัดไปโดยไม่ตั้งใจ หรือตั้งใจ ก็เยอะ...

.........................

...ฉากสาม...เนื่องจากทนายรู้ข้อเท็จจริงน้อย แต่ข้อสงสัยมาก..จึงอยากหาคำตอบ..จึงมึข้อสงสัยเยอะหน่อย อยากให้ผู้รู้ช่วยตอบคำถามคาใจทนายหน่อยครับ...

...คดีนี้ สหกรณ์ฯ ได้ฟ้องทางแพ่ง กับ ทุกคน หรือทุกองค์กรที่ได้รับเงินบริจาค เป็นคดีแพ่ง...จริงไหม

...มีเพียงวัดเท่านั้นที่จ่ายเงินคืนให้กับ สหกรณ์ ครบทุกบาททุกสตางค์..และคดีต่างๆระหว่างวัด กับ สหกรณ์ฯ จบแล้วทุกคดีใช่เปล่า

...เมื่อหลายเดือนก่อนประธานและรองประธานสหกรณ์ ฯ เคยให้สัมภาษณ์ทางทีวีว่า ได้เงินคืนและไม่ติดใจกับทางวัดอีกต่อไปทั้งแพ่งและอาญาจริงหรือไม่ครับ....

...ปัจจุบันมีคนเสือกอ้างว่าเป็นสมาชิกฯ ยังมีใจเจ็บทางวัด ต้องการให้ ปปง..ดำเนินคดีกับวัดฐานฟอกเงินใช่ไหม...

...ถามนะครับ...ปปง..โดยอธิบดีคนเก่า...เคยแถลงว่า เงินของวัดไม่สามารถยึดได้ถูกต้องไหม...และก็ไม่ติดใจดำเนินคดีฐานฟอกเงินกับทางวัดเพราะทางวัดไม่ได้ฟอกเงินใช่หรือเปล่าครับ...

...การจะดำเนินคดีกับใครฐานฟอกเงิน..ปกติจะเป็นอำนาจหน้าที่ของ ปปง..แต่เหตุใด ดีเอสไอ จึงพยายามใช้คำว่าวัดผิดฐานฟอกเงินและรับของโจร...

...ความผิดฐานฟอกเงิน...ทำไมไม่ส่งมอบให้ ปปง.เข้ามาตรวจสอบ
ดีเอสไอ ทำหน้าที่แทน ปปง.ได้อีกหรือ หรือว่า ดีเอสไอทำได้ทุกอย่าง ตามที่ใจต้องการ...

...เมืองไทยเป็นระบบกล่าวหา...ถ้าวันดีคืนดี เกิดมีคนไปกล่าวหา..พระอิสระบ้างฯ ดีเอสไอ จะรีบดำเนินการไหมครับ...

...คดีผู้ถูกกล่าวหา เป็นถึงพระผู้ใหญ่ ทำคุณกับพุทธศาสนามหาศาล
เผยแพร่พุทธศาสนาไปทั่วโลก ทำไมไม่นึกถึงในส่วนนี้ แต่การเผยแพร่พุทธฯ จะถูกใจขาวพุทธทุกคนเป็นไปไม่ได้.จริงไหมครับ...

...ลูกศิษย์ลูกหา เป็น ดร. นายแพทย์ นักธุรกิจฯ ชนชั้นกลาง...คิดหรือว่าเขาโง่ ถูกหลวงพ่อหลอก...คนที่ถูกหลอกก็ไอ้พวกฟังเขาเล่ามา..และชอบซ้ำเติมพระ ผมว่าบาปหนานะ...

..ทำไม ดีเอสไอ จึงไม่สอบสวนให้เสร็จแล้วสรุปข้อเท็จจริง ก่อนที่จะขอออกหมายเรียก หรือหมายจับ คดีมันนานมาแล้ว เงินมหาศาล ข้อเท็จจริงมากมาย คนข้องเกี่ยวจำนวนมาก อะไรแค่คนมาร้องทุกข์ไม่กี่คน แถมไม่ได้รับมอบอำนาจจากสหกรณ์ฯอีก ดีเอสไอ ทำไมรีบเกินไปหรือเปล่า..จนทำให้คนสงสัยว่า มีอะไรแอบแฝง..นำไปสู่การขัดขืน
ถ้า ดีเอสไอ ทำงานแบบรวบรวมหลักฐานชัดเจน แล้วค่อยออกหมายเรียกหมายจับ มันจะไม่เกิดการต่อต้านแบบนี้แน่นอน ผมเชื่อ ใครไม่เชื่อเป็นเรื่องของเขา

...อ้างกันอยู่นั้นว่าออกหมายเรียก ๒ ครั้งไม่มาต่อไปก็เป็นหมายจับ..
การไปตามหมายเรียก ก็คือไปตามหมายจับกลายๆ ผู้ไปตามหมายเรียกต้องถูกสอบ ถูกพิพม์มือ..และต้องทำประกันออกมา จริงไหมครับ..คงไม่ใช่เรียกไปนั่งสวดมนต์ให้ ดีเอสไอ ฟังหรอก...

...ดีเอสไอ เคยสอบประธานหรือรองประธานสหกรณ์ฯ คนปัจจุบันหรือยังครับ..สหกรณ์เป็นผู้เสียหายโดยตรง ประธานฯทำหน้าที่แทน..ก็เมื่อสหกรณ์ฯเขาบอกว่าจบแล้ว ไม่ติดใจ ทำไมไม่เอาเหตุผลตรงนั้นมาปิดคดีกลับบ้านไปนอนกกเมียดีกว่าจะมาจับพระสึก...

...จับหลวงพ่อได้ ถามจริง เงินจะได้คืนอีกไหม ตอบไม่ได้เพราะเงิน สหกรณ์รับคืนไปหมดแล้ว..แล้วจะลุยจับทำไม งง..ครับ

...เอาแค่นี้ก่อนนะ ผมมันรู้น้อย จึงถามเยอะ ...ช่วยๆ กันอ่าน และคิดคำตอบให้ที่...

ทนายนิทัศน์ ประเสริฐเนติกุล
พฤหัส ที่ ๒๓ มิย.๕๙





ฉบับที่ 2
ทนายนิทัศน์ ประเสริฐเนติกุล (ครั้งที่ 2)
....เมื่อวันที่ ๒๓ มิย.นี้ทนายได้เขียนถึงหลวงพ่อธัมมชโย...ปรากฏว่ามีกระแสตอบรับพอควร..และมีหลายๆท่านอยากให้ทนายเขียนอีก...อ้าวไหนๆจะช่วยหลวงพ่อเพื่อเห็นแก่พุทธศาสนาแล้ว...ลุยครับลุย..สู้...

....คำถามแรกจากปชช..หลวงพ่อถูกกลั่นแกล้งหรือเปล่า ?
....คำตอบแรกจากทนาย..จากเรื่องราวที่ปรากฏ คดีหลวงพ่อมีเบื้องหลัง ๑๐๐ %

....คำถาม ๒...เขาจะกลั่นแกล้งหลวงพ่อไปทำไม ?
....คำตอบ......อยากได้เงินมั๊ง..เห็นมีบางคนออกมาให้ข่าวว่า เงินของวัดมีเป็นหมื่นล้าน ยึดมาใช้หนี้ให้กับสมาชิกสหกรณ์ฯ
....แต่จริงๆอยากจะยึดมาเป็นของใครไม่ทราบได้...เขาเรียกว่าปล้นกลางแดด...

...คำถาม.....หลวงพ่อควรจะทำอย่างไร
...คำตอบ.....ก็นอนรักษาตัวไปเรื่อยๆ ปล่อยให้ลูกศิษย์คิดหาทางแก้ปัญหากันเอาเอง...( ก็หลวงพ่อไม่ผิด แล้วจะให้หลวงพ่อทำอะไร หลวงพ่อชราแล้ว แถมป่วยอีก..อย่าไปกวนใจหลวงพ่อเลย เรามาช่วยกันแก้ปัญหาให้หลวงพ่อดีกว่า) อันนี้ทนายพูดจริงๆนะครับไม่ใช่กวน

...คำถาม.....คดีนี้หลวงพ่อทำผิดกฏหมายหรือไม่
...คำตอบ....จากหลักฐานเบื้องต้นที่ปรากฏตามสื่อ หลวงพ่อไม่น่าจะผิด

...คำถาม....ทำไมหลวงพ่อถึงไม่ผิด
...คำตอบ....ถ้าหลวงพ่อผิด หลวงพ่อโดยจับไปตั้งแต่มีการแจ้งความคราวแรกเมื่อประมาณปี ๒๕๕๖ แล้ว

...คำถาม...อธิบายได้ไหมว่าทำไมหลวงพ่อถึงไม่ผิด
...คำตอบ...โอเค.... เอาเฉพาะคดีที่มีการแจ้งความในปีนี้นะ คดีหลายปีที่ผ่านมา ทนายไม่มีข้อมูล

...๑. คดีที่หลวงพ่อถูกแจ้งความ คือคดีรับของโจร..คดีเดียวจะถูกแจ้งความซ้ำซ้อนไม่ได้ เช่นคดีนี้แจ้งแล้วแจ้งอีก แม้คนแจ้งจะเป็นคนละคนก็ไม่ได้
ตัวอย่าง....มีคนมาลักทรัพย์ที่บ้าน...พ่อในฐานะเจ้าของบ้านได้แจ้งความไว้แล้ว และผู้ต้องหาก็ได้มีการพิสูจน์ไปแล้วว่าไม่ผิด
........ต่อมาอีกหลายปี ลูกชายบอกไม่พอใจคดีที่พ่อแจ้งความไว้เพราะผู้ต้องหาตร.ไม่ฟ้อง เลยมาแจ้งความใหม่.....อย่างนี้ไม่มีกฏหมายที่ไหนในโลกเขายอมให้กระทำ และกระทำไม่ได้....

...๒...การรับของโจร ผู้รับจะต้องรู้ว่าของที่รับมาเป็นของที่ผู้ให้ได้มาโดยการกระทำความผิดต่อกฏหมาย
เห็นๆกันครับ หลวงพ่อไม่รู้แน่นอน เพราะไม่มีพระที่ไหนต้องถามคนบริจาคว่า โยม.เงินที่โยมนำมาบริจาคเป็นเงินผิดกฏหมายหรือไม่ ..
ถึงจะเป็นเงินผิดกฏหมาย...โยมก็คงตอบว่า เงินที่ผมนำมาบริจาคผมหามาได้โดยบริสุทธิ์ครับ...

...๓...การบริจาคให้กับทางวัดเงินเป็นพันล้านบาทจริง แต่เป็นการทยอยบริจาคโดยสั่งจ่ายเช็คนะครับ และที่ได้ข่าวมาเป็นเช็ค ๓๐-๔๐ ฉบับ...การบริจาคอาจจะดูเยอะ แต่สำหรับวัดธรรมกายแล้ว การบริจาคระดับนี้ไม่ผิดปกติครับ....ลูกศิษย์เป็นมหาเศรษฐี เป็นเศรษฐี มีเงินเป็นหมื่นล้าน แสนล้าน แข่งขันกันบริจาคเป็นของธรรมดา.
.....วัดถึงสามารถขยายสาขาไปทั่วโลกและอีกหลายที่ในประเทศไทย.....ทำไมเราไม่คิดถึงความดีของหลวงพ่อในข้อนี้ครับ...หรือว่าเวลานี้ประเทศไทยจะไม่นับถือศาสนาพุทธแล้ว...

...๔..เงินที่วัดได้มา..เคยมีการยืนยัน(ตามข่าว) ว่า ปปง.ครวจสอบแล้วในคดีเก่า...เงินถูกนำไปสร้างสิ่งต่างๆในกิจการของวัด..หลวงพ่อไม่เคยจับเงินครับ...รับแต่เช็ค...เช็คไม่ใช่ของโจรนะครับ..เงินหลวงพ่อก็ไม่เคยจับ..แล้วจะไปรับของโจรตอนไหนวะ ทนายงง...

...๕...เงินเป็นตราสารที่ชำระหนี้ได้ตามกฏหมาย...ดังนั้นถ้าหลวงพ่อผิด ต่อไปพวกขายยา พวกปล้นเขามา เอาเงินไปทำบุญ เอาเงินไปชำระหนี้ คงมีคนติดคุกกันเพลินเลย ...
...ตำรวจจับพวกค้ายา..พวกปล้นทรัพย์.ฉ้อโกง..ยักยอก ฯ..จับแล้วขยายผลยึดเงินที่ซ่อนไว้ ยึดทรัพย์ที่เอาเงินจากการกระทำความผิดไปซื้อไว้..
...ไม่เคยไปขยายผล ตามจับคนที่ได้รับเงินต่อเพียงเพราะเหตุว่า เอาเงินไปใช้หนี้ ไปเล่นการพนัน ไปซื้อของ ไปให้พ่อแม่่ ฯ
...เพราะเงินเป็นตราสารที่ชำระหนี้ได้ตามกฏหมาย ครับ...

...๖...เงินที่ประธานสหกรณ์ฯยักยอกเงินเอาไปบริจาค ถ้าผิดก็ต้องผิดทุกองค์กรที่รับบริจาค...ไม่ใช่ผิดแต่หลวงพ่อเพียงคนเดียว...
....แถมเงินที่บริจาคให้องค์กรต่างๆ ถ้านำมาเทียบกับที่บริจาคให้หลวงพ่อแล้ว หลวงพ่อน่าจะน้อยใจทำไมให้น้อยกว่ารายอื่น.

...๗...คดีระหว่างวัดกับสหกรณ์ฯ จบไปแล้ว โดย สหกรณ์ฯได้รับเงินคืน..และมีการทำยอมถอนฟ้องกันแล้ว..แต่เพิ่งได้ข่าวว่า เงินทางสหกรณ์ฯได้คืนขาดไปนิดหน่อย..นั้นอาจเกิดจากการคิดตัวเลขจากข้อมูลต่างกัน...แต่ไม่สำคัญหรอก เพราะคู่กรณี พอใจตัวเลขนั้นและถอนฟ้อง ยอมความกันไปแล้ว....เยอะแยะไปเอาเงินเขามาล้านคืนแสนสองแสน..ยอมความจบคดี..จบคืนจบ..

....เหตุผลง่ายๆ ที่ทนายเขียนมา ไม่ต้องอธิบายอะไรมาก..อธิบายได้อย่างเดียวว่า...ทำไมต้องทำกับหลวงพ่อและวัดด้วย..ทำไมและทำไม

ใครอ่านจบช่วยแชร์หน่อยนะครับ
จากทนายนิทัศน์
เสาร์ ๒๕ มิย.๕๙




ฉบับที่ 3

ทนายนิทัศน์ ประเสริฐเนติกุล โพส์ตครั้ง 3 (วันที่ 27 มิ.ย.59)

...เกือบ ๒ ปี ไม่ได้ตามข่าวทางทีวีและนสพ..ตามแต่ในเฟซในไลน์

...ไม่่ค่อยทราบข่าววัดธรรมกาย..แต่อยากเขียน.. เลยขอเขียนครับ

...จากที่เคยเขียนมาในเชิงกฏหมาย ๒ ครั้ง ๆ นี้จะเขียนเชิงวิจารณ์บ้างครับ

...ปกติรมต.ยุติธรรมที่ดูแล ดีเอสไอ เขาจะไม่เข้ามาก้าวก่ายการทำงานของ ดีเอสไอ แต่ ทนายขอตั้งขอสงสัย เหตุใด รมต.ยุติธรรมเท่าที่เห็น จึงชอบแสดงความคิดเห็นเรื่องธรรมกายเหมือนชี้นำ...อย่างนี้เรียกว่าอะไรครับ

...ดีเอสไอ ช่วยตอบข้อสงสัยได้ไหมว่า คดีนี้ได้ทำตามขั้นตอนกฏหมาย.อย่างปกติ ถูกต้อง ..เพราะคดีอื่นๆ ไม่เห็น อีเอสไอ ต้องลุยถึงขนาดนี้เลย

...หลายคนส่งสัยว่า การรับเงินบริจาคที่ทำให้เกิดเรื่องนี้แล้ว ดีเอสไอมีหลักฐานอะไรที่พอชี้แจงในเบื้องต้นได้ว่า หลวงพ่อ ตั้งใจรับของโจรหรือฟอกเงิน

...ถ้าการรับเงินบริจาคเงินก็ถือว่ารับของโจรแล้ว..สงสัยดีเอสไอ ก็น่าจะไปตรวจสอบมูลนิธิต่างๆ ที่รับบริจาคด้วยนะ

...นายมโนมะนาวอะไรนั้น...เขาเป็นศิษย์คิดล้างครู...คนอย่างนี้ถ้าเป็นสมัยโบราณเขาเอาไปประหารแล้ว...เหตุใดเขาจึงมีอิทธิพลต่อคดีนี้มาก

...นายไพบูลย์ นิติตะวัน ทัั้งๆที่เขาก็แค่ ปชช.คนหนึ่ง ความเห็นของเขาเหมือนกับมีอิทธิพลต่อ ดีเอสไอ อย่างนี้แปลว่าอะไร

...ยิ่งสงสัยเข้าไปอีก ถ้าธรรมกายถูกทำลาย ท่านว่าศาสนาพุทธของเราที่คนไทยนับถือเกือบ ๙๕% ต่อไปจะเป็นศาสนาอันดับ ๒ ของประเทศหรือเปล่าครับ...

ทนายนิทัศน์
วันที่ ๒๗ มิย.๕๙

https://www.facebook.com/profile.php?id=100007266786817&fref=nf#


วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2559

GT2000ล้าน

เพจน้องแสนดี ซึ่งคอยตอบจดหมายรักพี่แสนดี จากพี่แสนดีที่มีมุมมองลบตลอด. และลบทุกเรื่อง โดยเฉพาะ. รบ กับวัดพระธรรมกาย ไม่รูว่าใครไปแอบเอาเงินค่าขนมพี่แสนดีมาทำบุญหรือไรถึงได้มุ่งมั่น ตั้งใจ จงเกลียดจงชัง วัดพระธรรมกายถึงเพียงนี้ได้

น้องแสนดี คารมดี มุมมองเป็นบวก แก้ต่างให้วัดพร้อมหาข้อมูลมา วันนี้อ่านแล้วชอบใจเรื่องข้อมูลที่น้องแสนดีรวมมา ที่ซื้อกระบอกพาสติก GT200  บรรลือโลก ที่ไม่ใช่มีเงินอย่างเดียวจะซื้อได้ ต้องรู้จักโกงด้วย ถึงทำได้

เงินเป็นพันล้าน ดีเอสไอน่าจะไปตามกลับมา มาเยียวยาสหกรณ์ก็ได้ อันนี้โกงชัวร์ ๆ มีตัวตน คนไหนบอกใช้ได้ ก็น่าจะมีส่วนได้เสีย. ใช่ไหม ถึงได้ออกมารับรองกันแข็งขัน. หรือเพียงว่าฝั่งโน้นคนดี ทำอะไรไปก็เข้าใจได้

ก็นี่ไงยุติธรรมเมืองนี้ ถ้าจะเอามาใช้ก็เลือกใช้กะพวกนึง เท่านั้น

นี่ถ้ารัฐบาลอังกฤษไม่จับคนทำขาย ป่านนี้ก็ยังซื้อมาให้ทหารใช้อีก

ผู้เกี่ยวข้องได้เงิน ทหารผู้น้อยได้ระเบิด. เย้

พอความโลภบังตา ปัญญาหดหาย เมตตาหมดไป ใครตายช่างมัน ด้วยประการฉะนี้




ข้อความจากเพจน้องแสนดี

เรื่องของ GT 200 เครื่องตรวจจับระเบิดที่ลวงโลก
พวกกลุ่มคนดีออกพากันเงียบกริบเลยครับ
หมอคนหนึ่งที่ชอบทำผมทรงประหลาด เคยออกมายืนยันว่าใช้ได้
แต่พอเรื่องแดง คือประเทศอังกฤษฟ้องล้มละลายและจับบริษัทที่ทำเครื่อง GT 200
เพราะว่าเป็นของที่ใช้ไม่ได้จริง
และให้จ่ายค่าเสียหายให้กับลูกค้า
ยกเว้นไทย ย้ำครับ ว่ายกเว้นไทย
แม้จะเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สั่งซื้อจำนวนมาก
เพราะลูกค้าคนนี้ ยืนยันว่า ใช้งานได้จริง 55555555555
ข่าวนี้นะครับ
http://news.voicetv.co.th/thailand/380520.html
ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์
https://www.youtube.com/watch?v=_IaBLOuzEzU
ได้ออกมาแฉ เรื่องราวและคุณหมอที่มีทรงผมประหลาด
คุณหมอยืนยันว่า ไม่เคยพูดว่ามันใช้งานได้
จนอ.เจษ ต้องเอาหนังสือที่แกเคยเขียนไว้ มาเปิดกาง
เจอหลักฐานเท่านั้นแหละครับ
คุณหมอ ของพวกแก๊งคนดี เงียบเป็นเป่าสาก
ไม่ยอมตอบอะไรอีกเลย 55555555
ราคามันไม่ถูก
ค่าส่วนต่างหลายเท่าตัว
มาดูกันชัดๆ ว่า GT200 ซื้อกันในยุคใด และราคาเท่าไหร่กันบ้าง !!
.....
ยุครัฐบาลทักษิณ ปี 2548
มีการจัดซื้อทั้งหมด 4 เครื่องๆละ 20,000 บาท เพื่อใช้กับกองทัพ
โดยนำมาทดลองใช้
แต่ผลคือใช้ไม่ได้จึงเลิกซื้อไป
ยุครัฐบาลสุรยุทธ์ ปี 2549 สั่งซื้อเพิ่มอีก 500 เครื่อง
ราคาเครื่องละ 70,000 บาท
หลังจากนั้นในช่วงปี 50-52 มีการสั่งซื้ออีกทั้งหมด อย่างน้อย 8 ครั้ง เป็นเงินทั้งหมด 419 ล้านบาท ตามรายการดังนี้
ครั้งที่ 1 ปลายเดือนกรกฎาคม 50 จำนวน 2 เครื่องๆละ 950,000 บาท เป็นเงิน 1,900,000 บาท
ครั้งที่ 2 วันที่ 18 ส.ค.51 จำนวน 2 เครื่องๆละ 900,000 บาท เป็นเงิน 1,800,000 บาท
ครั้งที่ 3 วันที่ 3 ก.ย.51 จำนวน 19 เครื่องๆละ 900,000 บาท เป็นเงิน 17,100,000 บาท
ครั้งที่ 4 วันที่ 16 ก.ย.51 จำนวน 18 เครื่องๆละ 900,000 บาท เป็นเงิน 16,200,000 บาท
ครั้งที่ 5 วันที่ 30 ก.ย.51 จำนวน 44 เครื่องๆละ 900,000 บาท เป็นเงิน 39,600,000 บาท
ครั้งที่ 6 วันที่ 27 ก.พ.52 จำนวน 222 เครื่องๆละ 900,000 บาท เป็นเงิน 199,800,000 บาท
ครั้งที่ 7 วันที่ 8 เม.ย.52 จำนวน 129 เครื่องๆละ 900,000 บาท เป็นเงิน 116,100,000 บาท
ครั้งที่ 8 วันที่ 28 เม.ย.52 จำนวน 30 เครื่องๆละ 900,000 บาท เป็นเงิน 27,000,000 บาท
ยุครัฐบาลทหารซื้อแพงจังครับ
จากเครื่องละ 2 หมื่น ทหารซื้อได้ เครื่องละ 9 แสน
พวกคนดีทั้งหลายออกมายืนยันว่าโอเค
อภิสิทธิ์ http://www.youtube.com/watch?v=673GpTpnnpg
ไก่อู  http://www.youtube.com/watch?v=G_PfJQA5eyA
แต่พอถูกจับได้
พวกคนดีบอกว่า
"เป็นค่าซื้อความรู้ที่แพงไปหน่อย" 5555555555555
และห้ามตรวจสอบ (อันนี้ไม่ขำครับ)
คือถ้าเครื่องละไม่เท่าไร ยังพอรับได้ครับ
แต่เครื่องละ 9 แสน ส่วนต่างหลายเท่าไปเข้ากระเป๋าใคร
แล้วห้ามตรวจสอบเนี่ย
ยุติธรรมไหมครับ
แต่พี่คนดีก็มาโหนกระแสกับ DMC นะครับ
ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกันเลย
คือจะโยงตรรกะว่า อันนั้นมั่ว
แปลว่าอันนี้ต้องมั่ว
ถ้าจะมั่ว ผมว่าพี่แหละมั่ว
คือ ผมว่าพี่ป่วยจริงๆล่ะครับ
น้องแสนดี


เพจน้องแสนดี.  ที่มาข้อมูล. https://goo.gl/PsrrQv

วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2559

นำเงินตราเข้าประเทศดีกว่าไหม...โป้ง รวย


เรื่องไม่เป็นเรื่อง ก็ทำให้เป็นเรื่อง วัดนี้มีสาขาทั่วโลก นับร้อยสาขา มีสาขาในไทย ก็หลักร้อย มีคนเข้าวัดเป็นล้านคน 

แค่มีที่สำหรับให้คนมาปฏิบัติธรรม รับคนได้ทีละ พันสองพัน มันจะประหลาดตรงไหน   

การที่ประเทศไทยมีที่สำหรับปฏิบัติธรรมแบบนี้ ทางภาครัฐ ควรเล็งเห็นประโยชน์ที่เกิดขึ้น สำหรับคนในประเทศ เมื่อสนับสนุนให้เข้าหาพระธรรมจิต สงบ ความวุ่นวายก็ลดลง  

หรือแม้กระทั่งเป็นจุดที่จะชักชวน คนทั้งโลกให้มา ท่องเที่ยวปฏิบัติธรรมเมืองไทย เที่ยวเชิงวัฒนธรรม ศาสนา ในย่าน เอเซียตะวันตกเฉียงใต้ ถ้าเห็นประโยชน์ก็สนับสนุน เงินตราหลั่งไหลเข้าเมืองไทย  ไม่ได้ออกไปทางไหน   



แต่นี่ กลับจะหาเรื่อง เข่นฆ่า  ถนนสายโคราช มีแต่อาคารสำหรับพักผ่อน เพราะใกล้เขตภูเขา ทางวัดเล็งเห็นประโยชน์ภายหน้า จะหาที่วิเวก ปฏิบัติธรรม ก็ยากขึ้นทุกวัน  จะพาเดินธุดงค์ ในป่า ก็โดนว่าบุกป่า สงวน  เดินในเมือง ก็ว่ารถติด   

ที่มีปัญหา ไม่ใช่วัดแล้วละครับ  แต่วิธีที่รัฐคิดกับวัด จะเอามาทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ หรือ เอาให้พังพาบกันไปด้วยกัน ก็เลือกเอา  คดีที่มาประเคนให้หลวงพ่อนั้น ดูเหมือนท่านไม่รับประเคน  ก็หาทางเอากลับไปจัดการเองก็แล้วกันนะ  ส่วนว่ารายละเอียดที่เค้าแก้ข่าวกัน สงสัยก็อ่านนี่แล้วกัน



ดังนั้น หากเห็นประโยชน์ของ องคาพยพของประเทศ แล้วนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทุกภาคส่วน อะไรๆ ที่แย่ๆ นั้น ก็จะกลับฟื้นคืนดีขึ้น

เคยอ่านนิทานสมัยก่อน ที่ท่านเปรียบเทียบไว้




มีอยู่วันหนึ่ง อวัยวะทั้ง 5 ของคนๆ หนึ่ง เกิดทะเลาะกันขึ้น 
พูดกันคนละทีสองที ทะเลาะกันอย่างดุเดือด 

เริ่มแรกทั้งหมดต่างรุมกันว่า... ตา 

"แกวันทั้งวันไม่เห็นทำอะไรเลย
แต่กลับมีโอกาสได้ชื่นชมวิวทิวทัศน์อันงดงามทั้งหลาย ช่างไม่ยุติธรรมจริงๆ" 


จากนั้นก็หันมาโจมตี... หู 
"แกตลอดทั้งวันอยู่นิ่งๆ ไม่เคลื่อนไหว
แต่กลับสามารถได้ยินเสียงอันไพเราะต่างๆ ทำไมพวกฉันถึงไม่มีโอกาสอย่างนี้บ้าง"

เสร็จแล้วก็เปลี่ยนเป้าหมายหันมารุมว่า.. ลิ้น 
"แกนะ นอกจากเวลานอนแล้ว ตลอดวันไม่ใช่กินก็คือดื่ม
ได้ลิ้มรสชาติอันโอชะประดามีในโลก แต่พวกฉัน
แม้เพียงสิ่งที่ธรรมดาสามัญที่สุดก็ไม่มีโอกาสได้กิน"
ที่รู้สึกได้รับความยุติธรรมที่สุดคือ... มือ 
มือคิดว่าตัวเองต้องทำงานทั้งวัน มีผลงานมากที่สุด แต่กลับไม่มีโอกาสเสพสุขอะไรเลย 

แต่ทว่า...ขา ไม่เห็นด้วยกับมือ

ขาบอกว่า 

"ถ้าพูดจริงๆ แล้ว คุณูปการของฉันมากที่สุด ถ้าฉันไม่พาเดินไปยังที่ต่างๆ ละก็
มือก็ไม่เห็นจะสามารถทำงานอะไรได้มากมาย" 

มือฟังคำพูดของขาแล้ว แม้ในใจจะรู้สึกไม่ยินยอมอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาพูดดี 

ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ในที่สุดอดรนทนไม่ไหวคว้ามีดขึ้นมา 1 เล่ม 
เริ่มด้วยการควักลูกนัยน์ตาออกมาก่อน อะไรๆ ก็มองไม่เห็นแล้ว สมแค้นไปอย่าง 

จากนั้นก็เฉือนใบหูลงมา อะไรๆ ก็ไม่ได้ยินแล้ว 

พอเสร็จแล้วก็เฉือนลิ้นออกมาด้วย พูดไม่ได้แล้ว 

ท้ายสุดก็ตัดขาทิ้งไปด้วยแล้ว เดินก็ไม่ได้แล้ว 

ผลสุดท้าย เนื่องจากบาดแผลสาหัสเกินไป คนๆ นั้นจึงถึงแก่ความตาย 
แน่นอน มือ ก็ย่อมไม่มีสามารถมีชีวิตอยู่ไดโดยลำพัง 

อย่าเอาอย่างนิทานกาลก่อน ที่ หัวหู ปากจมูก แขนขา ทะเลาะกันเอง วุ่นวาย 

อะไรไม่ใช่หน้าที่ ก็จะทำ อะไรเป็นหน้าที่ ก็ไม่ทำ   ผิดฝา ผิดตัว อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้   ที่สุดก็อยู่ไม่รอดทั้งหมด  ทั้งวัด ทั้งบ้าน ทั้งเมือง  ล่มสลายไปพร้อมกัน 

ถ้าปัญญาในการแก้ปัญหามันไม่พอ ก็ขยับให้คนอื่นเข้ามาทำแทนเถอะ ท่านเอ้ย 

เอางั้นเนอะ   





วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ความไม่ชอบมาพากล

ถ้าเราเห็นปัญหาทั้งหมด  การแก้ปัญหาคงง่าย แต่เนื่องจากมันเป็นเรื่องใหญ่  ใหญ่ ใหญ่มากกก   ทำให้มองเห็นบางส่วน บางด้านเสมอ  กว่าจะประติดประต่อเป็นรูปร่าง ก็ใช่จะง่าย  เพราะมันหลายมิติ ซับซ้อน  บทความนี้ไปเจอมาก ก็ชี้ให้เห็นบางส่วน ที่อยากให้ศึกษาว่า เนื้อหาข้อมูลของเรื่องราวเป็นอย่างไร








@ ความไม่ชอบมาพากลในการดำเนินคดีกรณีสหกรณ์คลองจั่น @

<<<_กรณีสหกรณ์คลองจั่น ความเสียหายเกิดขึ้น 18,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้ได้ถูกนำไปบริจาคให้พระเทพญาณมหามุนีและวัดพระธรรมกายรวม 1,050 ล้านบาท ซึ่งคณะศิษย์วัดพระธรรมกายได้ตั้งกองทุนช่วยเหลือเยียวยาให้สหกรณ์ไปเต็มจำนวนแล้ว

*** มีข้อน่าสงสัยว่า ***

1. ทำไมดีเอสไอทุ่มเทกำลังมุ่งมั่นดำเนินคดีกับพระเทพญาณมหามุนี  ที่ได้ช่วยเหลือเยียวยาให้สหกรณ์ไปจนครบ  

จำนวนเงินแล้ว ดังนั้นการดำเนินคดีของดีเอสไอ  จึงไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับสหกรณ์เลยแม้แต่บาทเดียว 
ทำไมดีเอสไอไม่ทุ่มเทกำลังให้ถูกทาง ไปตามเงินที่เหลืออีกกว่าหมื่นล้านมาคืนให้สหกรณ์

2. ทำไมนายธรรมนูญ อัศวโชติกับผู้ที่อ้างว่าเป็นสมาชิกสหกรณ์บางคน

จึงมาแจ้งข้อกล่าวหากับพระเทพญาณมหามุนี และพยายามเคลื่อนไหวกดดันให้มีการเร่งดำเนินคดี 
ทั้งที่การกระทำนั้นไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ แก่สมาชิกสหกรณ์คลองจั่นเลย 

เพราะเงินทั้งหมดคณะศิษย์ได้เยียวยาช่วยเหลือสหกรณ์ครบจำนวนแล้ว มิหนำซ้ำการกระทำนี้ยังอาจก่อให้เกิดโทษกับสหกรณ์ เพราะถ้าคณะศิษย์วัดพระธรรมกายเห็นว่า ทั้งที่พวกตนได้ช่วยเหลือเยียวยาสหกรณ์ครบจำนวน 

แต่พระเทพญาณมหามุนียังถูกกลั่นแกล้งดำเนินคดีอีก

 เป็นการผิดเจตนารมณ์ของคณะศิษย์ จึงหยุดการช่วยเหลือเยียวยา สหกรณ์ก็จะขาดเงินช่วยเหลือไปอีกหลายร้อยล้านบาท

<< ทำไมผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นสมาชิกสหกรณ์กลุ่มนี้จึงทำในสิ่งที่เป็นโทษต่อสมาชิกสหกรณ์ฯ

<< ทำไมไม่ไปเร่งรัดให้ดีเอสไอไปติดตามเงินจากแหล่งอื่นๆอีกกว่า 16,000 ล้านบาท

<< มีใครอยู่เบื้องหลัง หลอกใช้บุคคลกลุ่มนี้มาเคลื่อนไหวหรือไม่

<< มีการเมืองแอบแฝงหรือเปล่า

<< ขอให้สังคมจับตาดูความไม่ชอบมาพากลของการดำเนินคดีกับพระเทพญาณมหามุนี

……………………………………………………………………………………………….


ที่มา ตื่นเถิดชาวพุทธ  https://goo.gl/EZ4h9o

ผมไม่ใช่ศิษย์ธรรมกาย.... ( แต่คิดเป็น )

อ่านบทความที่เขียนผ่านในไลน์ คนนี้หนุกหนาน บันเทิง ซีเรียส เรียลิสติก  ภาพของคนกลางๆ ที่เป็นผู้ชม เริ่มหมดความอดทนต่อ เรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว

การออกมาพูดแบบนี้ก็สะท้อนให้เห็นบางอย่างของสังคม

เห็นอย่างไร ก็เห็นอย่างนั้นแหละ นานาจิตตัง

เรื่องของเค้า ก็มีอยู่ว่า

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ภาพจาก http://www.manager.co.th/Pjkkuan/ViewNews.aspx?NewsID=9540000146069
เรื่องโจรเสนอให้ปรับเครื่องแบบโจร  ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเนื้อหา ..



ข้าราชการชั่วกันหมดแล้วหลังการเป็นสมุนโจร..
ไม่รู้ดีชั่วถูกผิดผมยังมั่นใจไม่มีใรทำอะไรพระท่านได้..
เพียงแค่คนรักมากกว่าคนตาบอด...
พวกมันทำกันมานานแล้ว.
หลายๆองค์ที่ผ่านมา..
ใส่ความผิดด้วยวิธีเอาสีกาเป็นตัวทำลาย...
จนพระท่านรู้ทันหมดแล้ว..

แผนใหม่ของมันให้คนบริจาคแล้วตามมาคิดบัญชีทีหลัง.
แต่ก็ยังไม่สำเร็จพวกเราต้องเข้าใจว่าพุทศาสนานั้นเป็นของคนไทย.
ทุกคนไม่ใช่ของของข้างบนครับ 
พวกนั้นเขานับถือแตรสังข์..ตามวรรณะ

ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่จะทำการยึดอำนาจ...ผมมั่นใจว่า
จะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในประเทศนี้แน่นอน...

เพราะประขาชนเริ่มเข้าใจรอบด้านแล้ว...
ห้วงเวลาแห่งความยากลำบาก
ทุกข์ทรมาน ที่จะมาถึงอันใกล้นี้
จะยาวนานแค่ไหน?

ต่างหากที่ควรคิดคำนึง!




ผมไม่เป็นสาวกธัมมชโย ไม่เชื่อหลักธรรมของธรรมกาย
แต่ผมไม่กล้าเชื่อว่าคนหลายล้านคนทั้งในและต่างประเทศที่เชื่อ ศรัทธาธรรมกาย

จะพากันโง่โดนจูงจมูกพร้อมๆกัน

และผมเชื่อว่าคนเรามีเสรีภาพในการที่จะ 
เชื่อ ไม่เชื่อ 
ศรัทธา ไม่ศรัทธา 
นับถือ ไม่นับถือ

รวมทั้งการเปลี่ยนความเชื่อถือศรัทธา ลัทธิศาสนาใดๆก็ได้
และผมยังเชื่อด้วยว่า การนับถือศรัทธา เป็นเรื่องทางจิตใจ ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลก็ได้
และผมเชื่อว่าคนที่อ้างว่าเชื่อถือศรัทธาด้วยเหตุผล แท้ที่จริงแล้วอาจไร้เหตุผลก็ได้

"เหตุผลของอีกคน ไม่ใช่เหตุผลของอีกคน"



และผมยังเชื่อรวมทั้งได้เห็นทางสื่อด้วยว่า ผู้มีอำนาจไม่ควรเล่นกับความเชื่อ
ผู้อยู่นอกศรัทธาความเชื่อก็ไม่ควรข้ามไปดูหมิ่นเหยียดหยามความเชื่ออื่น
เพราะศรัทธาความเชื่อ ผลักดันให้คนเราทำอะไรก็ได้
แม้แลกด้วยชีวิต

ความเชื่อของท่านก็เป็นของท่าน
ความเชื่อของเราก็เป็นของเรา



"ศรัทธาของท่านก็เป็นของท่าน
ศรัทธาของเราก็เป็นของเรา"


๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘

เป็นไงครับ อลังการงานเขียนมาก ดูหนังดูละคร 
ก็ย้อนมาดูความคิดเราเองกันบ้างนะ  
ใครจะทำอะไรก็ทำ เถอะ 
แต่อย่าลืมทิ้งใจไว้ที่ไหน เอากลับไปไว้ที่ตั้งด้วย  072  
ที่เก่าเวลาเดิม โอเค..นะ


เรื่องชวนคนนั่งสมาธิ .. มีปํญหาอะไร

เมื่อวานสำนักข่าวทั้งประเทศพร้อมใจกันลงข่าวถึงศิษย์วัดท่านหนึ่ง ได้ชวนคนมานั่งปฏิบัติธรรม หนึ่งล้านคน  ซึ่งก็ปกติสำหรับวัดพระธรรมกาย ที่ชวนคนมาปฏิบัติธรรม
มาวันนี้ก็มีข้อความที่เขียนได้ดีมากอยากเก็บไว้แบ่งปันในโรงละครแห่งนี้


ท่านแรกเป็นพระอาจารย์  ได้เขียนว่า



โยมพี่  xxxxx
ท่านมา​ปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อแทบทุกวัน​อาทิตย์  มาเป็นเวลากว่าสิบปี
ยิ่งในยามหลวงพ่อมีภัยท่านยิ่งมาไม่ขาด
ทำบุญใหญ่ทุกบุญก็อยู่แนวหน้ามาตลอด

พระเห็นจนคุ้นตา

ชีวิตจึงเจริญรุ่งเรือง ชนะ​ภัย​เศรษฐกิจมาได้ตลอด
คราวนี้ ไม่ใช่แค่หลวงพ่อมีภัย
แต่เป็นภัยถึงระ​ดับ​พระพุทธศาสนา​ใน​ประเทศไทยล่มสลายกันเลยทีเดียว
จะให้โยมพี่ถอย แล้วใครละจะชมเชยโยมพี่ได้สุดหัวใจเหมือนดั่งเคย

เดินหน้าต่อเถิดโยมพี่เอย
การก้าวไปข้างหน้าเพียงหนึ่งก้าวในยามนี้ประเสริฐกว่าความสุขในสมบัติจักรพรรดิ
กว่า​ความสุข​ใน​สวรรค์

ขอจงเดินนำน้องๆ ที่จะเดินตามต่อไปเถิดประเสริฐแท้

สิรีภาโส

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนท ไม่เกี่ยวกับเนื้อหา


ท่านที่สอง ไม่ทราบว่าเป็นใคร แน่ๆ คือ เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ได้เขียนว่า

เรื่องข่าวคนออกมาว่า มาต่อต้าน เรื่องคุณxxxxxระดมคนปฏิบัติธรรม

ไม่อยากให้ กังวล
หรือ หาเหตุผลเลยเพราะไม่น่าแปลกใจ ต้องมีอยู่แล้วนะคะ
เพราะสังคมไทยตอนนี้ มี 2 กลุ่มเรื่องความคิดกับวัด กับ หลวงพ่อ พอข้างนึงออกมา
 ก็จะมีอีกด้านออกมา ค้านตลอดเช่นกัน

แต่มั่นใจว่า ระดับคุณ xxxxx ท่านต้องพิจารณา ก่อนกระทำไว้รอบคอบแล้ว เพราะท่านเป็นบุคคล สาธารณะ คือ มีชื่อเสียง
คงเตรียมพร้อมแรงกระแทก ไว้ดีแล้ว ทั้งกำลังใจ
และ กำลังสติปัญญา และ ทาง กฏหมาย

แต่ที่ท่านเดินออกมา ก็เป็นการส่งสัญญานชัด ว่า
ลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย
ชั้นแนวหน้า ก็กล้าออกมาปกป้องหลวงพ่อ และ วัดของพวกเรา
เป็นก้าวที่มีน้ำหนักมากค่ะ

ใจใสๆ ให้กำลังใจท่าน
อย่าไปตอบโต้ มาก ให้แค่ให้ข้อมูลบวก

หากตอบโต้ จะยิ่งคุ้ยเรื่องออกมาใหญ่โตนะคะ

กราบอนุโมทนาบุญกับท่าน และทุกๆคนค่ะ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ทั้งสองท่านได้เขียนไว้ด้วยความเป็นห่วง ถึงศิษย์ผู้พี่ออกมา เชิญชวนศิษย์ผู้น้อง ให้มาช่วยกันดูแลสำนัก ดูแลอาจารย์เจ้าสำนัก

ห่วงว่า  จะครบล้านไหม อ่ะนะ

วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2559

#เราจะไปปฏิบัติธรรมกับพี่ใหญ่บุญชัย

หลังจากที่เรื่องราวดำเนินมาถึง ที่ฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายหนี ฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายล่า  ดุจปลาที่อยู่ในข้อง มีพื้นที่น้อยนิด เพื่อหลบให้พันจากมือของผู้ล่า

ในบรรดา ศิษยานุศิษย์ ที่หลวงพ่อได้สั่งสอนอบรมมาครึ่งค่อนชีวิต  ศิษย์ท่านเหล่านั้น ก็เติบใหญ่ ทั้งหน้าที่การงาน และ คุณธรรม  ชีวิตครอบครัว ก็มีสุขตามอัตภาพ  ทุกท่านก็พูดเป็นเสียงเดียวว่า

" ถ้าชีวิตนี้ ไม่ได้มาพบหลวงพ่อ ก็คง ไม่มีเช่นวันนี้ "




เพราะกระแส กิเลส ความเอาเปรียบ ชิงดีชิงเด่น แข่งขันในสังคม มีแต่ต้องดิ้นรนต่อสู้ การให้อภัยต่อศัตรู แทบจะไม่เคยได้ยิน  มีแต่กำจัดให้หมดไป ซึ่งทำให้ แม้แต่ผู้ที่ชนะ ก็สูญเสีย ทั้งความเป็นคน แลกกับการที่ได้เป็นผู้นำเศรษฐกิจ

แต่เมื่อมาพบครูอย่างหลวงพ่อทำให้รู้ว่า ชีวิต ไม่ใช่ต้องการสิ่งเหล่านี้ ลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นแค่ทางมาแห่งการสร้างบารมี ที่เป็นสิ่งที่พึงสั่งสมบ่มให้แก่รอบ

ในบรรดาศิษย์ทั้งหลายที่เข้าวัดมานาน นั่งอยู่แถวหน้าในทุกๆ งานนั้น ก็มีเพียงไม่กี่ท่าน ในบรรดาไม่กี่ท่านนั้น

วันนี้ ก็มีผู้หนึ่ง ได้ลุกขึ้นมา เชิญชวนศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย ให้มาร่วมปฏิบัติธรรม ให้เป็นล้านคน เพื่อนำมหากุศลยิ่งใหญ่ถวายแก่หลวงพ่อ



เพื่อเอาบุญนี้ ชนะหมู่มารทั้งหลายที่กำลังรุมเร้า
มนุษย์เป็นเพียงหุ่นเชิดของบุญกับบาป
คนใด ที่คิดดี ทำดี ไม่เบียดเบียน ตัวเองและผู้อื่น คนนั้น ก็กำลังถูกฝ่ายบุญเชิด
แต่ใครทำตรงข้าม หาเหตุ หาเล่ห์ ประทุษร้าย ผู้อื่น ด้วย กาย วาจา ใจ
ผู้นั้น ก็กำลัง เป็นหุ่นเชิดให้ฝ่ายบาป  ซึ่งเมื่อทำไปก็มีวิบาก คือ ผลของกรรมติดตัวไป

เมื่อศิษย์แถวหน้า ที่เป็นพี่ใหญ่ของน้องๆ ศิษย์แถวหลังทั้งหลาย ลุกขึ้น โบกมือเชิญชวนให้ ศิษย์แถวหลังทั้งหลายเดินก้าวออกมา

ศิษย์แถวหลัง  จะยืนดู   หรือ ถอยกลับเข้าไปในมุมมืด เหมือนเดิม
หรือ จะเดินก้าวไปให้ทันกับศิษย์แถวหน้า ก็เลือกเอาได้
ตามแต่ความกตัญญูกตเวที
จะวางอุเบกขา
หรือ จะเอาอุเบกขาวางไว้

ก็ตามสะดวก

เลือกทางใดก็เลือกเถิด อย่าให้มาเสียใจภายหลังว่า

ถ้าวันนั้นเดินตามพี่ใหญ่ ออกไป  ก็ดี........

อยากจะบอก ให้ศิษยานุศิษย์ ทุกคนทราบว่า ถึงเวลาแล้วที่

แสดงตัวตนของพวกเรา 
แสดงให้โลกได้รับรู้  
แสดงให้เห็นว่า 
ศิษย์อย่างเรา จะอยู่แถวไหน ก็ไม่เป็นไร 
แต่ขอเดินก้าวไปพร้อมๆกันกับทุกท่าน  

#เราจะไปปฏิบัติธรรมกับพี่ใหญ่บุญชัย




วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2559

หยุด.. เดี๋ยวจะปากเหม็น

หลวงพ่อจะหนี 
หลวงพ่อจะหนี
พูดกันอยู่ได้ พวกนี้ ใครกัน มาร้องแรกแหกกระเชอ อะไรกัน





เป็นตัวคุณ จะหนีไหม..... ถ้าคุณตอบว่า  หนี    

ก็แสดงว่าคุณไม่รู้จักหลวงพ่อแห่งวัดพระธรรมกายดีพอ

คุณคิดว่าในพจนานุกรมของหลวงพ่อท่าน มีคำว่า ยอมแพ้ หนี  เหรอ  
แม้คำว่า ไม่ได้ ไม่มี  ใครไปพูดให้ท่านได้ยิน ยังโดนท่านเอ็ดเอา

ในชั่วชีวิตพวกคุณ หรือ ในชีวิตชั่วๆ ของพวกคุณดีนะ  คุณอาจจะไม่เคยเจอคนจริง  ที่มีอุดมการณ์จริง สักเรื่องนึง ยิ่งไม่ต้องพูดถึง คนที่มีใจดุจพระโพธิสัตว์ในยุคดิจิตอลนี้   ที่มุ่งสร้างสั่งสมบ่มบารมีให้แก่รอบ เพื่อรื้อสัตว์ขนสัตว์ เข้าสู่พระนิพพาน 

คนที่แค่คิดแค่นี้ ในยุคนี้จะเหลือสักกี่คน 

อย่าเอาตัวคุณเองมา ประเมินคนอื่น ยิ่งคนที่คุณไม่รู้จักเลย ......​ ชีวิตคุณจะดับวูบโดยไม่รู้ตัว  แล้วจะวูบยาวไปนับชาติไม่ถ้วน 





คนอย่างหลวงพ่อท่าน ถ้าคิดจะหนี  วัดพระธรรมกาย  คงไม่มีในโลกนี้แล้ว  หมู่คณะที่คุณด่าเค้าน่ะ ก็คงไม่มีให้เห็นเหมือนกัน  ก็คงเป็นอย่างพวกคุณๆ วันๆ เที่ยวด่า เที่ยวจิกไปทั่ว แล้วก็ไม่มีอะไรดีขึ้น มีแต่นับวันสังคมเลวมากขึ้นอย่างเดียว 

หยุด 

หยุด ด่าว่าพระสงฆ์ ด่าว่าพระรัตนตรัย 
หยุด ทำลายพระศาสนา
หยุด ทำลายทำร้ายตนเอง ด้วย กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต 

เสียดายที่เกิดมาเป็นมนุษย์ มาพบพระพุทธศาสนา แล้วกลับมาทำตัวได้เพียงแค่ เด็กที่เอามือไปลูบมีดโกนเล่น ไม่คุ้มค่า ที่เกิดมา


เสียชาติเกิด

วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2559

กำลังรอ..วันๆนั้น


เมื่อวานนี้ วันที่ทุกส่วนลุ้นระทึก ในแบบต่างๆกัน

บางคนมีหน้าที่คุย ... ก็ลุ้นระทึก รอวันที่จะลุย
บางคนมีหน้าที่ลุย .....ก็ถึงวันที่ได้มาทำหน้าที่คุย

กองเชียร์ บางกลุ่มก็กระเหี้ยนกระหือ ยุแยง ให้นองเลือด คงอยากเห็นภาพ คนวัดพระธรรมกาย ตายจมกองเลือดท่วมลานเจดีย์  แมลงวันตอมศพเด็กน้อย  คนแก่  เสื้อขาวที่ถูกย้อมด้วยเลือดกลายเป็นสีแดงแห้งกรัง
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000037488&TabID=3&


กับกลุ่มคนบางพวก ที่ทั้งชีวิต มุ่งมั่นจะเอา ความยุติธรรม และความเสมอภาค ประชาธิปไตย  แต่ก็ยากจะหาตัวอย่างของคนที่จะมาทำเป็นตัวอย่างได้  ทีจะยอมเอาชีวิตไปแลกกับอุดมการณ์ที่แท้จริง

หลายกลุ่มทั่วโลกที่ตามมองดูเหตุการณ์ต่างๆ ก็เริ่มออกมา พูด เขียน ด้วยความรู้สึกอยากอธิบาย ที่เห็นภาพของคนจำนวนหมื่น

คนของเราที่ นั่งสมาธิ นิ่งสงบ  ท่ามกลางอากาศที่แปรปรวน ดั่งกระแสใจคนในบ้านเมืองนี้  เดี๋ยวก็แดดออก เดี๋ยวก็ฝนตก เดี๋ยวเปียก เดี๋ยวแห้ง สลับไปมาสองสามรอบ  นั่งนิ่งๆ พร้อมที่จะสละทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิต เพื่อบุคคลที่ตนศรัทธา และรักษาธำรงพระศาสนาไว้


จนเกิดวลี ที่จะกลายเป็นภาษิตขึ้นมา  หลายคำ



" ภาพที่คนนั่งมีฝนตก แม้มองไม่เห็นหน้า  แต่เห็นหัวใจ
I can't see your Faces but I can see your Hearts."


"ผู้นำที่ผ่านอยุติธรรมอันเจ็บปวดนี้ ประวัติศาสตร์จะจดจารจารึก ชื่อนามเขาผู้นั้นไว้เป็น ... วีรบุรุษผู้ปกป้องพระศาสนา  "  ..​เจ้าคุณเบอลิน



" จากนี้ไป ธรรมกายจะเป็นชื่อเดียวกันกับ ความยุติธรรม "
"ธรรมกายและความยุติธรรม จะเห็นสิ่งเดียวกัน ที่แยกกันไม่ได้"
Happy Man


และที่สุด คำฮิตติด แฮทแทรก

# ตอนบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย

ทุกอย่างตอนนี้ ก็รอตอนนั้นแล้วกัน










วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2559

หัวใจทองคำ


วันนี้ มีเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้น

ไม่ใช่เรื่องที่ตำรวจ  มาที่วัด
ไม่ใช่เรื่องการดำเนินการต่อสู้ทางกฏหมาย
ไม่ใช่เรื่องการวิ่งไปวิ่งมาวุ่นวาย

เรื่องยิ่งใหญ่ที่เกินคาดหมาย
สายตาที่ชาวโลกเห็นแล้ว ชื่นชมเหนือคำบรรยาย

จนมีใครคนหนึ่งเขียน ว่า

"ภาพที่นั่งในสายฝน มองไม่เห็นหน้า  แต่เห็นหัวใจ"

กลางคืนไม่ได้นอน นั่งสมาธิกลางถนน กลางสายฝน  หกชั่วโมง เหนือคำพูดที่มนุษย์จะสรรหามาได้ ขอความดี ความปลื้มนี้จงสถิตย์ในหัวใจของทุกท่าน
ขอชื่นชม อนุโมทนา



วิ.16 มิย.59

เพิ่มเติม



เมื่อวาน มีนักข่าวน่าจะหลักร้อย จากสำนักข่าวทั่วโลก ในนั้นมีคนหนึ่งชื่อว่า Andrew R.C. Marshall  นักข่าวของ รอยเตอร์ ดูแลภาคพื้นเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ลงข่าวของเราทำให้ข่าวของเราไปถึงทั่วโลก แม้ใครเห็นก็ประทับใจ



Rain has stopped play at Dhammakaya temple. Only followers and trpods worship before the stupa.
Andrew R.C. Marshall
 REURERS  NEWS  
https://twitter.com/Journotopia/status/743296106193293312

วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เรื่องเล่า ธรณีสูบมีจริง



เรื่องธรณีสูบ ดังที่สุดก็ในสมัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชมน์อยู่  พระเทวทัตโดนธรณีสูบ  คนสมัยใหม่ ก็มีคนที่ทำบาป บาปหนัก ก็เยอะ ก็มาก ทำในระดับ



ธรณีสูบยุคนี้ มีไหม  


   มีซิ 



อ.ยอดเล่าเรื่องได้น่าฟัง  ได้เล่าว่า ลูกจะฆ่าแม่ ด้วยความโกรธ ข้ามวันข้ามคืน  ส่วนแม่ มีแต่ให้อภัย มีใจคิดปลงตก  คิดถึงศีลที่ตนรักษา ส่วนชีวิต ลูกชาย จะเอาก็เอาเถอะ



ลูกจะฆ่าแม่ได้ ไหม  แม่จะตายเพราะมือลูกไหม  ลูกจะรอดจากกฏแห่งกรรมไหม .... ลองฟังดู









ยุคนี้ คนแย่งกันทำบาปทำกรรม  ทำร้าย ทำลายพระศาสนา ทำกับผู้ทรงศีล ตั้งใจจริง ตั้งใจจัง  ก็ขอเตือนสติไว้ ว่า บาปกรรมมีจริง จะเชื่อไม่เชื่อ จะกลัวไม่กลัว ก็คิดไว้บ้างนะ



ใครที่ทำความชั่วที่ทำวันนี้ จะติดตามตัวไป แม้ลูกหลานที่ใช้นามสกุลที่พิสูจน์แล้วว่าได้ทำลายพระศาสนา  ก็จะได้ฉายาว่า ตระกูลนี้เป็นของคนผู้ทำลายพุทธศาสนา



ธรณีนี่นี้ ยังเป็นพยานอยู่เสมอ  ถ้าพวกคุณเดินทางไกลไปถึงอเวจีอย่างเร็ว นะ ก็ฝากระลึกถึง พระเทวทัตด้วย  ขอให้ท่านพ้นกรรม แล้วสำเร็จเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าไวๆ  ส่วนที่ไปใหม่ ก็ อยู่แทนไปก่อนนะ



โชคดี

วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2559

วัดไม่เกี่ยว ไม่เกี่ยวกะวัด



ต้นเหตุของเรื่องเลย คือ สหกรณ์คลองจั่น กับอดีตผู้บริหารท่านหนึ่ง ที่นำเงินไปบริหาร เป็นการซื้อที่ดิน ลงทุนกับบริษัท เพื่อเอาดอกผลมาให้กับ สมาชิกสหกรณ์ ที่ยินยอมพร้อมใจเอาเงินให้เค้าไปทำ เพื่อดอกเบี้ย ที่สหกรณ์ให้ ถึง 7-8 % ในขณะที่ธนาคารทั่วไป ตอนนี้ดอกเบี้ยเงินฝากทั่วๆไป ก็เหลือ 1.4-1.6 %  ถ้าเงินเยอะๆ มากๆ  เหลือต่ำสุดที่ 0.35% จะต่ำไปไหน 


ดังนั้น  คนก็เข้ามาเป็นสมาชิกสหกรณ์ และยินยอมให้ สหกรณ์บริหารเงินให้ 

ที่จริงมันก็เป็นเรื่อง ระหว่าง สหกรณ์ สหกรณ์ และ สหกรณ์

มันคงมาไม่ถึงวัด ถ้า ผู้บริหารใจร้าย เอาเงินไปหมด   หรือ สหกรณ์ ต้มคนดู เหมือน เล่นแชร์ลูกโซ่

แต่ดูเหมือนว่า สหกรณ์กลับโตวันโตคืน  คนก็มากขึ้น เงินก็มากขึ้น

ผู้บริหารท่านนั้น เผอิญ ใจบุญ ชอบทำบุญ ก็ทำไปทั่วหมด วัดเหนือใต้ออกตก องค์กรการกุศลหลายแห่ง ก็ทำเยอะ  ทำทีละเป็นหลายๆล้าน  ผู้บริหารไม่มีเงินเดือน เป็น อาสาสมัคร มาเป็นผู้บริหาร  เงินที่วิ่งผ่านมือเป็นพันๆ ล้าน หมื่นๆ ล้าน บริหารให้มันงอกเงยเพื่อให้สมาชิกมีดอกผล  ด้วยการไปลงทุน ก็ไม่ทราบว่าเค้ามีค่าคอมมิชชั่น  อะไรอย่างไง ร้อยอาจจะได้บาทนึง อันนี้ก็เป็นไปได้ ที่ผ่านมาสี่สมัยก็ไม่เคยมีปัญหา  



สหกรณ์ มีกฏว่า เป็นประธานได้ ไม่เกินสี่รอบ ต่อกัน  ก็พอดี

ครั้งนี้ก็ครบสี่รอบ ต้องมีใครมาเป็นแทน  ก็น่าสงสัยเรื่องภายในด้วยหรือเปล่า ..นี่ถาม



จะให้วัดทำอย่างไง เวลาคนมาบริจาค  เมื่อก่อนเห็นด่าวัดว่า  ไม่รับเงินคนจน รับแต่คนรวย  วัดก็ต้องมาชี้แจงว่า รับหมด บาทนึงเราก็รับ เป็นศรัทธาโยม จะไม่รับได้ไง

นี่เผลอแป๊บเดียว กลายเป็นว่า รับของคนรวย ก็ไม่ได้อีก  กลายเป็นรับของโจร 

อีกหน่อย หายใจ คงบังคับให้ใช้รูจมูกข้างเดียว

พระน่ะ ไปเดินรับบาตร  จะรู้ไหม ใครจะมาใส่บาตร  อยู่บนถนน ใครเอาอะไรใส่มา ก็รับหมดนั่นแหละ  ที่วัดก็เหมือนกัน  ใครใส่ซองมาร่วมบุญสร้างอาคาร  ศาสนสถาน ก็รับหมด จะบาทเดียว หรือ หมื่นล้าน ก็รับ 

 ใครจะไปถามว่า เอาเงินมาจากไหน ล่ะโยม หน้าตาอย่างโยมนี่ ถ้าจะปล้นเค้ากินละมั้ง    มันจะได้ไหม

เคยมีสมัยก่อน พระไปอยู่ในป่า  โจรก็หนีมาอยู่ป่าเหมือนกัน  ยกมาเป็นหมู่บ้านโจร  เมียโจร ลูกหลานโจร ก็มาทำบุญใส่บาตร  ก็อยู่กันไป อย่างนี้ จะผิดไหม รับของโจรแน่ๆ

ไม่ต้องโจ่งแจ้งขนาดนั้น  ข้าราชการ หรือว่า นักการเมือง ที่ทำตัวดั่งหัวหน้าโจรป่านั้น ก็ไม่เคยสาธารณกุศลที่ไหน ที่รับเงินจากพวกนี้ไปจะมีปัญหาอะไร

ทำไมมาวุ่นวายกับวัดพระธรรมกายที่เดียว

คิดกันซะบ้างซิ  อย่าเอาแต่ด่า ไม่คิด เดี๋ยวสมองฝ่อหมด

อีกอย่าง  สหกรณ์ ก็มีระบบ การบริหาร เมื่อมี ใครไปอายัด ก็เสร็จ เงินเค้าหมุนกันทั้งนั้น เมื่อไม่หมุน ก็หยุด แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปให้ สมาชิก อันนี้ก็ธรรมดา

วัดเมื่อทราบ ยังช่วยระดมลูกศิษย์ไปช่วยกัน เยียวยา เอาเงินไปให้พอๆ กับที่ ผู้บริหารท่านนั้นทำบุญมา ซึ่งที่จริงมันไม่ใช่เรื่องที่ต้องทำเลย จะบาทเดียวหรือ จะพันล้าน ก็ไม่ต้องทำอย่างนี้ ไม่มีอะไรบังคับ





แต่ว่า เห็นแก่ความวุ่นวาย สิ่งที่วัดทำได้ ก็ช่วยกันไป เพราะจะปัดว่าไม่มีส่วน ก็มีส่วนได้รับบริจาคมา ก็ช่วยได้ ก็ช่วยกันไป

แต่แปลกที่ว่า ทำไม องค์กรการกุศลอื่นๆ ที่ได้รับไป ทำไมไม่ออกมาช่วยกัน ถ้ามาช่วยกันทุกที่ป่านนี้ สมาชิกก็ไม่เดือดร้อน 

แล้ว ภาครัฐ ทำไมไม่ไปตาม ให้มาช่วย ไปตรวจ ไปสอบ  มาเอากับแต่ที่วัดอย่างเดียว 

งั้น ลองติดตามว่า เงินที่สหกรณ์มีปัญหา  ไปที่ไหนบ้าง


สรุป
1. เช็ค 878 ใบ เกี่ยวข้องกับวัดแค่ 20 กว่าใบ
ที่เหลืออีก 858 ใบ ดีเอสไอไม่ไปตาม ไม่สั่งฟ้อง
2. จะด่าว่าวัดยังไงก็ได้ แต่จะว่าวัดไม่ตั้งกองทุนช่วยเหลือสหกรณ์ไม่ได้
เพราะช่วยไปเกินกว่าจำนวนเงินสหกรณ์ที่เข้ามาวัดเสียอีก
3. วัดพระธรรมกายไม่เคยติดหนี้สหกรณ์แม้แต่บาทเดียว

ที่มา