วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ก็ไปกันหมดแหละ ... นะ


คืนนี้ ก่อนนอน ได้อ่านข้อความที่เค้าเขียนๆกันมา มี กรธ.ท่านนี้เขียนถึง พล.อ.นิวัติ ศรีเพ็ญ เขียนในฐานะที่ได้ร่วมงานมาระยะหนึ่ง ก็คงมีความผูกพันกัน


ที่เอามาลงไว้ ณ ตรงนี้ ก็เพราะอ่านแล้วคิดได้ถึงเรื่อง 
รัฐธรรมนูญที่จะเป็นจะตายกันทั้งบ้านเมือง  

อันดับแรกเลย คนร่างรัฐธรรมนูญ ก็ไม่อยู่ใช้ก็มีแล้ว  
จะดีร้ายอย่างไร ก็ทิ้งไว้บนโลกนี้

อันดับที่สองที่คิดได้ก็คือ ความตายไม่มีนิมิตหมาย 
ไม่ต้องป่วยยาวนาน 
บางท่านเช้าเห็นบ่ายหายหน้า  
บางท่านสายมาค่ำเปลี่ยนภพ 
บางท่านป่วยหลายปี แต่ที่ดีๆ กลับไปก่อนกันหมด


ดังนั้น ศึกษาเรื่องราวความจริงของชีวิตไว้เถิด 
โลกหน้ามีจริง หรือไม่ เดี๋ยวก็คงทราบ 
โลกหน้าทำอะไรกันบ้าง เดี๋ยวก็คงรู้
ถ้าตั้งใจศึกษา ก็ต้องหาผู้รู้ 


ที่ทำยิ่งใหญ่ ก็อย่าลืมไปว่า 
ไม่ใหญ่ไปกว่าบ้านหลังสุดท้าย


อ่านที่ท่านนี้เขียนถึง พล.อ.นิวัติ ศรีเพ็ญ แล้วก็ต้องขอชมว่า ท่านเตรียมตัว สู้กับมรณภัย เป็นอย่างดี 

นี่เป็นบทความที่ส่งต่อๆกันมา ลองอ่านดู







ลาจาก จากเป็น ก่อนจากตาย...

แม้จะทราบล่วงหน้าแล้ว แต่เมื่อทราบว่า “พี่นิวัติ” หรือ พล.อ.นิวัติ ศรีเพ็ญ กรรมการร่างรัฐธรรมนูญถึงแก่กรรมแล้ว ก็ยังอดใจหายและเสียใจมิได้

11 เดือนก่อน วันแรกที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) มาประชุมกัน ท่านแนะนำตัวสั้นๆว่า เพิ่งเกษียณมาจากตำแหน่งเจ้ากรมพระธรรมนูญ 

หลังได้รู้จักกันไม่นาน ท่านก็ทำให้ผมประหลาดใจได้ในหลายๆเรื่อง

ท่านเป็นกรธ.คนเดียวที่เป็นทั้งกรธ.และเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) แต่ท่านแทบไม่เคยขาดประชุมกรธ.เลย

ท่านเป็นนายพลเอกที่สมถะมาก มาประชุมที่สภาโดยใช้บริการรถสาธารณะเป็นประจำแทบทุกวัน 

บ่อยครั้งที่เลิกประชุมแล้ว เราสองคนจะอาศัยติดรถ อาจารย์ฐิติพันธุ์ เชื้อบุญชัย ไปลงสถานีรถไฟฟ้าพญาไทแล้วไปแยกกันบนสถานีรถไฟฟ้านั้นแห่งนั้น

ภาพที่ผมจำติดตาอยู่เสมอคือ หลังประชุมเสร็จ หรือไม่ก็ขึ้นรถด้วยกันแล้ว ท่านจะควักเอาถุงอ่อนๆอีกใบออกมาจากกระเป๋าธรรมดาๆที่หิ้วอยู่เป็นประจำ ก่อนจะพับสูทใส่ถุงใบนั้น เพื่อที่จะได้สะดวกเวลาขึ้นรถสาธารณะ

ช่วงที่กรธ.ทำงานแล้วมีแรงเสียดทานมากๆ ผมเคยอ่านข้อเขียนของมิตรสหายบางคน เขียนต่อว่าเสียดสีว่า พวกทหารชั้นนายพลสุขสบาย กรธ.เป็นอย่างโน้นอย่างนี้ ผมได้แต่รำพึงในใจว่า มันไม่ใช่อย่างนั้นไปเสียทั้งหมดหรอก

ผมได้เรียนรู้จากพี่นิวัติอย่างหนึ่งว่า เราอย่าตัดสินใครง่ายๆ โลกมันไม่ขาวไปทั้งหมดหรือดำไปทั้งหมด

หลายเดือนก่อนท่านไม่ค่อยสบายท้อง ต่อเมื่อกรธ.ท่านหนึ่งแนะนำหมอให้ นั่นเอง ถึงทำให้ทราบว่า ท่านป่วยเป็นมะเร็งที่ตับอ่อนและกว่าจะรู้มันก็ลุกลามเข้ามาถึงขั้นสุดท้ายแล้ว

ถึงกระนั้น ท่านก็ไม่ปริปากให้ใครรู้ หากแต่ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ออกไปชี้แจงรัฐธรรมนูญเท่าที่ทำได้ 

ตอนนั้น การทำรัฐธรรมนูญมาถึงขั้นเผยแพร่แล้ว กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม นัวเนียนุงนังกันไปทั่ว กรธ.ทราบว่าพี่นิวัติป่วยแต่ยังไม่ทราบว่า หนักขนาดไหน

จนวันหนึ่ง อาจารย์สมคิด เลิศไพฑูรย์ ที่ปรึกษากรธ.ได้ไลน์เข้ามาถามว่า มีใครพอจะหาห้องให้พี่นิวัติที่โรงพยาบาลรามาฯ ได้ไหมเพราะวันนั้นท่านไปรับการฉายแสงแล้ว แพทย์เกรงว่า ท่านจะมีอาการช็อคเนื่องจากแพ้คีโม กรธ.จึงได้จ้าละหวั่นกันไปหมดแต่ที่เราทำได้ก็คือ หาเตียงที่ใกล้ที่สุดคือที่สถาบันมะเร็งซึ่งอยู่ติดกับโรงพยาบาลรามาฯให้ได้เท่านั้น

ผ่านพ้นวิกฤตนั้นมาได้ไม่กี่วัน แพทย์ก็บอกว่า ตอนนี้พี่นิวัติยังมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์อยู่ จะทำอะไรให้รีบทำ

ในยามมรณะภัยมาเคาะประตูเรียก สิ่งที่พี่นิวัติและพี่จุไรรัศม์ภรรยาท่านทำนั้นแสดงให้เห็นถึงความองอาจของผู้ฝึกตนมาอย่างดีแล้ว

จากแพทย์ในวันนั้น ท่านไปลาพระภิกษุซึ่งท่านนับถือ กลับถึงบ้านก็เตรียมตัวอย่างดี เลือกรูปที่จะตั้งหน้าศพด้วยตัวเอง ฯลฯ
เตรียมรับมรณะภัยอย่างสงบ โดยมิได้หวาดหวั่นพรั่นพรึงแม้แต่น้อย

กรธ.ได้ติดตามอาการป่วยของท่านด้วยความเป็นห่วง นั่น ทำให้ได้ทราบว่า แม้แต่ในวันลงประชามติซึ่งตอนนั้นท่านเริ่มเดินลำบากแล้วแต่ก็ยังให้ลูกสาวพยุงไปลงประชามติ

เมื่อกรธ.ทราบความว่า จะทำอะไรให้รีบทำ กรธ.ก็ได้ขอไปเยี่ยมท่านที่บ้าน ภริยาท่านก็ว่าไม่สะดวกแต่พอได้เรียนท่านว่า ขอให้ได้แสดงมุทิตาจิตกันและอโหสิกรรมซึ่งกันและกันนะ จะที่ไหนก็ได้ นั่นล่ะ ท่านถึงบอกว่า ท่านจะมาที่สภาเอง

มีการประสานงานและเตรียมการรับพี่นิวัติอย่างดี เตรียมรถวีลแชร์ไว้รับเพราะทราบว่าท่านเดินไม่ได้แล้ว ผมสอบถามพี่นิวัติเองว่า ขากลับอยากนอนกลับไปสบายๆไหมจะได้ขอรถพยาบาลประจำรัฐสภาไว้ จะได้ให้เขาไปส่ง ท่านก็บอกว่า นอนกลับมาก็สะดวกดี ท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จึงประสานของรถพยาบาลไว้ และแจ้งให้เจ้าหน้าที่รัฐสภาได้ทราบเรื่องและทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่อื่นๆที่เขาไม่ทราบจะได้ปฏิบัติต่อท่านอย่างที่ควรจะเป็น

19 สิงหาคม พี่นิวัติมาถึงสภา 

จากเดิมตั้งใจกันว่า จะจัดล้อมวงสนทนาและแสดงมุทิตาจิตกันกลางห้องประชุมแต่อาจารย์มีชัย ท่านคิดละเอียดรอบคอบดีกว่านั้น เมื่อท่านมาถึงอาจารย์มีชัยได้เข้ามาให้กำลังใจแล้วบอกว่า ขอให้กรธ.ทั้งหมดประชุมกันเป็นนัดพิเศษ เพื่อแสดงมุทิตาจิตกับพี่นิวัติ

กรธ.จัดที่พิเศษให้พี่นิวัติได้นั่งประชุมจากวีลแชร์ในที่ที่ติดกับประธานที่ประชุม 



อาจารย์มีชัยได้กล่าวนำเป็นเวลานานร่วมสิบกว่านาที สาระแห่งคำพูดของท่านั้นเต็มไปด้วยแง่มุม ทั้งทางโลก ทางธรรม ยังความซาบซึ้งใจ และเป็นกำลังใจให้กับพี่นิวัติ ครอบครัวหรือแม้แต่กรธ.ทุกคนเป็นอย่างดี

ตลอดเวลานั้นพี่นิวัตินั่งฟังด้วยความสงบ จะมีบ้างก็ตอนเจ้าหน้าที่ต้องช่วยให้อ็อกซิเจนเพิ่มเติมเท่านั้น

หลังอาจารย์มีชัยกล่าวจบ พี่นิวัติได้กล่าวตอบและเอ่ยปากว่า “ผมขออโหสิกรรมต่อทุกคนด้วยนะ”

ตอนท่านจะกลับผมคุกเข่ากราบเรียนท่านข้างๆวีลแชร์ว่า “ผมก็ขออโหสิกรรมต่อพี่ด้วยนะแต่ผมคิดว่า ระหว่างเราและในหมู่กรธ.ไม่มีสิ่งใดที่ต้องอโหสิกรรมต่อกันเพราะมีแต่สิ่งดีๆต่อกัน”

ลึกๆแล้วไม่ว่าพี่นิวัติหรือกรธ.ทั้งหมด ทราบดีว่า วันนี้เป็นการมาลาจากกัน จากเป็น ก่อนที่จะจากตาย

นักข่าวเห็นท่านขึ้นรถพยาบาลก็รายงานว่า ท่านมาประชุมแล้วฟุบคาที่ประชุม ผมเห็นข่าวแล้วเลยไปบอกว่า ไม่ใช่ มันไม่ได้เป็นแบบนั้น ท่านป่วย ท่านมาลา เราได้มาอโหสิกรรมต่อกัน และเรื่องนี้ก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ท่านไม่อยากเปิดเผย มีองค์กรสื่อแห่งหนึ่งที่ผมก็โทรไปบอกแบบนี้ เพื่อให้เขาทราบว่า ข่าวที่รายงานออกไปนั้นมันผิด 

ผมหวังว่า เขาจะแก้ไขให้หรืออย่างน้อยก็คงเห็นแก่ความเป็นมนุษย์ของคนอื่นบ้าง

ผมประจักษ์ว่า สิ่งที่พี่นิวัติและภรรยาได้ทำให้เห็นนั้นคือ การแสดงธรรมโดยแท้ ผมพยายามศึกษาเรื่องการเตรียมตัวตายแต่ก็ไม่เคยเห็นคนประสบมรณะภัยใกล้ตัวคนไหนเข่นพี่นิวัติมาก่อน

ผมไม่เคยคุยเรื่องธรรมะกับท่านแต่เชื่อว่า ลึกๆแล้ว ท่านเป็นพุทธศาสนิกชนที่รู้ซึ้งถึงพระธรรมคำสอนที่ดีมากผู้หนึ่ง

มรณะกรรมของพี่นิวัติย่อมยังมาซึ่งเสียใจของครอบครัวและเป็นความสูญเสียของกรธ.ทุกคนด้วย ผมเองรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสได้รู้จักและได้มีโอกาสทำงานร่วมกันกับท่านครับ

ภัทระ คำพิทักษ์





ไม่ต้องกังวล เส้นทางนี้ แค่เดินกันไปก่อน และ หลังแค่นั้นเอง

วิ. 31สค. 59


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น